วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กลอนรัก

-- ฉันรักใครไม่ง่ายนัก แต่ก็รักเธอได้ไม่ยาก พูดออกไปใจตรงกับปาก รักเธอมากกว่าใครๆ
-- รักกันง่ายๆ สบายดีออก ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักก็ได้ ขอแค่รู้สึกลึกๆ ข้างใน ขอแค่จริงใจมีให้ก็พอ
-- ยิ่งรู้จักยิ่งรักมาก และยิ่งอยากอยู่ชิดใกล้ยิ่งพูดคุยยิ่งถูกใจ ใช่แล้วเธอคนในฝัน
-- แค่เห็นเธอก็ใจสั่น แค่จ้องกันใจก็หวิว แค่สบตาก็เหมือนเป็นตะคริว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชอบเธอ
-- เธอคือคนสำคัญคนหนึ่ง เธอคือหนึ่งในดวงใจ เธอมีความห่วงใยให้กันและกัน เธอคือใครคนนั้นที่ฉันรักมากมาย
-- อยากพบอยากเจออยากทัก อยากรักอยากห่วงอยากหา คิดถึงจึงได้โทรมา อยากบอกว่ารักเธอสุดหัวใจ
-- เมื่อแรกพบคิดกับเธออยากรู้จัก คบสักนิดก็สนิทกลายเป็นเพื่อนดูๆไปหัวใจมันย้ำเตือน อยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนคือรักเธอ
-- รู้ไหมว่ามันยาก ในใจมันลำบากแค่ไหน กับการที่ต้องบอกเธอออกไป ให้รู้ความในใจว่า I love you
-- บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน เธอมีอะไรสำคัญกว่าใครคนไหน ทุกเวลานาทีที่ผ่านไป ใจจึงไม่เคยลืมเธอได้เลย
-- อยากโปรยรักขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอจะได้รู้ว่ามันมากแค่ไหน ให้เธอได้เก็บมันไว้ แม้จะอยู่ไกลก็จะเหมือนใกล้กัน
-- ความรักที่ฉันมี ความรู้สึกดีๆที่ฉันให้ ไม่อาจคำนวณได้เป็นค่าใด เพราะมันมากมายเหลือเกิน
-- หากวันใดที่เธอไม่มีใคร ให้เธอรู้ไว้ยังมีฉัน หากวันใดเธอพ่ายแพ้หมดเพลิง ให้รู้ว่าฉันยังอยู่ใกล้ๆเธอ
-- ร.เรือแล่นไปบนสายน้ำ ไม้หันอากาศบินร่อนบนเวหา ก.ไก่ค่อยๆเดินตามหลังมา แล้วอ่านว่า รัก ซึ่งคำนี้ฉันให้เธอ
-- อยากเป็นอุลตร้าแมนมีแก้มแดงใสๆ แล้วเธอล่ะอยากเป็นอะไร เป็นสัตว์ประหลาดดีไหม จะได้เจอกันทุกตอน ^^
-- อยากรักเธอเท่าฟ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าฟ้ากว้างแค่ไหนเอาเป็นว่ารักเธอหมดหัวใจ และไม่เคยรักใครเท่าเธอ
-- อาจจะมีบ้างบางเวลา ที่เกิดหายหน้าหายตาห่างกันไป แต่ก็ยังรับรู้อยู่ใช่ไหม ว่าในใจยังเหมือนเดิม
-- บนท้องฟ้ามีดวงดาว ในเมืองลาวมีข้าวเหนียว ในกะทะมีไข่เจียว ใจดวงเดียวฉันมีให้เธอ
-- รักเธอจนใจจะขาด ถึงจระเข้ฟาดหางยังทนไหว ไมค์ไทสันกัดหูไม่เป็นไร ถึงยังไงใจฉันก็รักเธอ
-- แม้เรื่องราวจะจบลงที่ความว่าเพื่อน จะไม่เอื้อนและไมึ่งที่อยากจะฝากเธอไว้ ยังห่วงใยและรักเธอเสมอมา
-- เป็นดอกไม้ในใจใครฉันไม่ว่า เป็นดอกฟ้าในใจใครฉันไม่หวั่น เป็นไม้งามในใจใครไม่สำคัญ เป็นดอกรักในใจฉันเท่านั้นพอ
-- อยากเขียนคำว่ารักตัวใหญ่ๆ อยากอภิบายความในใจให้เธอรู้ ว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองเธออยู่ อยากให้รู้ว่ารักเธอ
-- เก็บความรักไว้ให้ เก็บความห่วงใยห่วงหา เพียงแค่หวังไว้ตลอดเวลา ว่าวันหนึ่งเธอคงเข้าใจ
-- ให้ฉันรักเธอได้ไหม ไม่เคยมีใครทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้ ให้ฉันรักเธอได้ไหมคนดี เพราะหัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใคร
-- อยากทักทายเป็นภาษาต่างดาว อยากเว่าภาษาลาวว่า ฮักเหลือหลายอยากบอกว่า ไอชิเตะ อิรุโยะ ไปจนตายแต่ว่าขี้อายเกินไป เลยได้แค่เก็บไว้คนเดียว
-- สินเชื่อเพื่อความรัก ต้องฟูมฟักด้วยความจริงใจ คิดดอกเบี้ยตามความเอาใจใส่ และปล่อยเงินกู้ให้เธอคนเดียว
-- จะเป็นยาแดงเมื่อเธอล้ม จะเป็นพารากลมๆเมื่อเธอมีไข้ จะเป็นชวนป๋วยเมื่อเธอไอ เรียกได้ 24 ชม.
-- ชอบคนคิดอะไรทันกัน เพราะฉันไม่ชอบย่ำอยู่กับที่ มาเจอเธอก็รู้สึกแปลกๆดี บอกกับตัวเองว่าคนนี้ใช่เลย
-- ใครจริงใจมาก็จริงใจไป และจะได้สุดๆจากฉันเสมอ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงเซอร์ๆ อย่างดีก็มีแค่รักให้เธอเต็มหัวใจ
-- ถ้าจะถามว่าชอบเธอตรงไหน คงบอกไม่ได้ง่ายๆ อาจเป็นเพราะความงดงามในใจ ที่เธอคล้ายๆว่าจะมี
-- หนึ่งลมหายใจนี้ ขอแทนสัญญาที่จะมีให้ แทนคำพูดมากมายในใจ แทนรู้สึกลึกไว้ในแววตา
-- ไม่จำเป็นสำหรับคำหวาน ไม่ต้องมาพบพานทุกวันก็ได้ ความรักขึ้นอยู่กับหัวใจ คำหวานใดๆก็ไม่สำคัญ
-- ทุกจังหวะของหัวใจ มันบอกว่าห่วงใยห่วงใยนัก ได้ยินไหมเสียงดัง รักๆ มันคึกคักกว่าร็อคแอนด์โรล
-- อยู่ไกลกันตั้งขนาดนี้ กลัวเธอจะไปมีใครคนใหม่ คำสัญญายังจำได้หรือเปล่า คนไกลที่บอกว่าจะฝากใจไว้ให้กัน
-- เวลาอาจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ดีขึ้นบ้างเลวลงบ้างตามประสาแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนผันตามกาลเวลาก็คือหัวใจที่ห่วงหาเพียงแต่เธอ
-- รักเธอเข้าแล้วสิ เต็มหัวใจดวงนี้เลยรู้ไหม ไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่เมื่อไร กว่าจะแน่ใจก็รักเธอเต็มหัวใจซะแล้ว
-- ถ้าฉันสร้างปาฏิหาริย์ได้ จะภาวนาให้โลกหยุดหมุน จะได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่น และสบตากับเธอไปตลอดกาล
-- วันนี้ได้พบหน้า รู้สึกเลยว่าโลกแจ่มใส แปลกจริงที่คนบางคนทำไม ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจของใครบางคน

หัวใจสวยๆ

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สาระสำคัญ

                                                                    ประเพณีลอยกระทง


         ใกล้ถึงเทศกาลวันลอยกระทง 2554 กันแล้ว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายน …เชื่อว่าหลายคนคงเตรียมตัวควงหวานใจ หรือพาครอบครัวไปลอยกระทงร่วมกันที่ใดที่หนึ่งแล้ว อ๊ะ ๆ ...แต่ก่อนที่จะไปลอยกระทงกันนั้น เรามาทำความรู้จักประเพณีลอยกระทงให้ถ่องแท้กันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของประเพณีอย่างแท้จริง
กำหนดวันลอยกระทง



          วันลอยกระทงของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือถ้าเป็นปฏิทินจันทรคติล้านนาจะตรงกับเดือนยี่ และหากเป็นปฏิทินสุริยคติจะราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดือน 12 นี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจึงเย็นสบาย และอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขี้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน อีกทั้งวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง


ประวัติความเป็นมาของวันลอยกระทง

ลอยกระทง

          ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน


          ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า
          ก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฎในหนังสือนางนพมาศที่ว่า


          "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่าง ๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..."


          เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


          ประเพณีลอยกระทงสืบต่อกันเรื่อยมา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ยกเลิกการประดิษฐ์กระทงใหญ่แข่งขัน และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือลอยประทีปถวายองค์ละลำแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่า "เรือลอยประทีป" ต่อมาในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันการลอยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย


เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง
          สาเหตุที่มีประเพณีลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่ 


          1.เพื่อแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่ให้เราได้อาศัยน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงไปในน้ำ อันเป็นสาเหตุให้แหล่งน้ำไม่สะอาด


          2.เพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุทท


          3.เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ำไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์


          4.เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล โดยมีตำนานเล่าว่าพระอุปคุตเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้ 


          5.เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ


          6.เพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็นการนัดพบปะสังสรรค์กันในหมู่ผู้ไปร่วมงาน


          7.เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญหาพื้นบ้านไว้อีกด้วย


ประเพณีลอยกระทงในแต่ละภาค


          ลักษณะการจัดงานลอยกระทงของแต่ละจังหวัด และแต่ละภาคจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ


ลอยกระทง


           ภาคเหนือ (ตอนบน) จะเรียกประเพณีลอยกระทงว่า "ยี่เป็ง" อันหมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่  (เดือนยี่ถ้านับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิบสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือจะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรือที่เรียกว่า "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า


ลอยกระทง

           จังหวัดตาก จะประดิษฐ์กระทงขนาดเล็ก แล้วปล่อยลอยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เรียงรายเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"
 
ลอยกระทง



           จังหวัดสุโขทัย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องประเพณีลอยกระทง ด้วยความเป็นจังหวัดต้นกำเนิดของประเพณีนี้ โดยการจัดงาน ลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ที่จังหวัดสุโขทัยถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจำลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุงสุโขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จังหวัดสุโขทัยทุก ๆ ปี มีทั้งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง

ลอยกระทง

           ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ งานลอยกระทงจะเรียกว่า เทศกาลไหลเรือไฟ โดยจัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ทุกปีในจังหวัดนครพนม มีการนำหยวกกล้วย หรือวัสดุต่าง ๆ มาตกแต่งเรือ และประดับไฟอย่างสวยงาม และตอนกลางคืนจะมีการจุดไฟปล่อยกระทงให้ไหลไปตามลำน้ำโขง

           กรุงเทพมหานคร มีการจัดงานลอยกระทงหลายแห่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่ "งานภูเขาทอง" ที่จะเนรมิตงานวัดเพื่อเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทง ส่วนใหญ่จัดอยู่ราว 7-10 วัน ตั้งแต่ก่อนวันลอยกระทง จนถึงหลังวันลอยกระทง

ลอยกระทง

           ภาคใต้ มีการจัดงานลอยกระทงในหลาย ๆ จังหวัด เช่น อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีงานยิ่งใหญ่ทุกปี


กิจกรรมในวันลอยกระทง
          ในปัจจุบันมีการจัดงานลอยกระทงทุก ๆ จังหวัด ซึ่งจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ แต่กิจกรรมที่มีเหมือน ๆ กันก็คือ การประดิษฐ์กระทง โดยนำวัสดุต่าง ๆ ทั้งหยวกกล้วย ใบตอง หรือจะเป็นกาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว ฯลฯ มาประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการบูชา ให้เป็นกระทงที่สวยงาม ภายหลังมีการใช้วัสดุโฟมที่สามารถประดิษฐ์กระทงได้ง่าย แต่จะทำให้เกิดขยะที่ย่อยสลายยากขึ้น จึงมีการรณรงค์ให้เลิกใช้กระทงโฟมเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนจะมีการดัดแปลงวัสดุทำกระทงให้หลากหลายขึ้น เช่น กระทงขนมปัง กระทงกระดาษ กระทงพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อให้ย่อยสลายง่ายและไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ลอยกระทง

ลอยกระทง

ลอยกระทง

          เมื่อไปถึงสถานที่ลอยกระทง ก่อนทำการลอยก็จะอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาขอให้ประสบความสำเร็จ หรือเสี่ยงทายในสิ่งต่าง ๆ จากนั้นจึงปล่อยกระทงให้ลอยไปตามสายน้ำ และในกระทงมักนิยมใส่เงินลงไปด้วย เพราะเชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระแม่คงคา


          นอกจากการลอยกระทงแล้ว มักมีกิจกรรมประกวดนางนพมาศอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย

          เมื่อเราได้ยินเพลง "รำวงลอยกระทง" ที่ขึ้นต้นว่า "วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง..." นั่นเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงวันลอยกระทงแล้ว ซึ่งเพลงนี้เป็นที่คุ้นหูของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะในต่างประเทศมักเปิดเพลงนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อแสดงถึงความเป็นประเทศไทย


          เพลงรำวงวันลอยกระทงแต่งโดยครูแก้ว อัจฉริยกุล ผู้ให้ทำนองคือ ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งสุนทราภรณ์ ซึ่งครูเอื้อได้แต่งเพลงนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2498 ขณะที่ได้ไปบรรเลงเพลงที่บริเวณคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีผู้ขอเพลงจากครูเอื้อ ครูเอื้อจึงนั่งแต่งเพลงนี้ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจึงเกิดเป็นเพลง "รำวงลอยกระทง" ที่ติดหูกันมาทุกวันนี้ มีเนื้อร้องว่า


          วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง 
          เราทั้งหลายชายหญิง 
          สนุกกันจริง วันลอยกระทง 
          ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง 
          ลอยกระทงกันแล้ว 
          ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง 
          รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง 
          บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ 

          เอ้า... ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหน ก็อย่าลืมชวนครอบครัว หรือเพื่อน ๆ มาร่วมกันสานต่อประเพณีที่ดีงามนี้ไว้นะค่ะ อ่อ... และอย่าลืมใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติด้วยล่ะ เพราะนอกจากจะไปลอยกระทงเพื่ออนุรักษ์ประเพณีแล้ว ยังจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติไว้อีกต่อหนึ่งด้วย

ลอยกระทง



เพลงประจำเทศกาลลอยกระทง

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เทคโนโลยี

การทำงานของ iPad
หลังจากแกะกล่อง iPad(ไอแพด) กันไปเรียบร้อยแล้วนะครับ วันนี้ Techmoblog ชวนเพื่อนๆมาดูรีวิว การใช้งาน iPad(ไอแพด) กันบ้างครับ ทันที่เปิดเครื่อง iPad เราก็จะพบว่า iPad เองมีโปรแกรม หรือที่เรียกกันว่า App ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว 12 ตัวได้แก่ Safari, Mail, Photos, iPod, Calendar, Contacts, Notes, Maps, Video, iTunes, App Store, YouTube ซึ่งผมขอเรียกว่า การใช้งานพื้นฐานของ iPad(ไอแพด) ครับ
จากที่ลองเล่นแล้ว ทุกอย่างสมราคาคุยที่ แอปเปิ้ลอวดไว้ครับ (ใครที่ขี้เกียจรอโหลดวีดีโอ สามารถอ่านความสามารถพื้นฐานจากบทความ iPad คืออะไร ได้ครับ ตอนกลางบทความจะพูดถึงความสามารถของ iPad)
นอกจาก App พื้นฐานของ iPad(ไอแพด) ที่ติดมากับเครื่องแล้ว เราทำอะไรกับ iPad(ไอแพด) ได้อีก บางคนคงเคยได้ยินมานะครับ ว่าตอนนี้ App Store สำหรับ iPad(ไอแพด) ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย อันที่จริงมันยังไม่ให้บริการเฉพาะการใช้ App Store บนเครื่อง iPad(ไอแพด) น่ะครับ ส่วน App Store บน PC นั้นเราใช้ได้ครับ เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ ใครที่ซื้อ iPad มาสามารถโหลด App สำหรับ iPad(ไอแพด) ได้ผ่าน App Store ครับ โดยผ่านโปรแกรม iTunes ครับ
App สามัญประจำ iPad(ไอแพด)
แล้ว App ไหนบ้างที่จะขาดไปเสียไม่ได้โดยเด็ดขาด Techmoblog ได้ลองหยิบจับ iPad(ไอแพด) มาวันสองวันแล้วนะครับ ผมพิจารณาแล้วพบว่า การใช้งาน iPad(ไอแพด) ในช่วงแรก ผมต้องการ App ในสามกลุ่มหลักๆครับ
  1. App สำหรับการใช้งาน Social Network
  2. App สำหรับการใช้งาน Office งานพิมพ์เอกสาร ดูเอกสาร ไม่ว่าจะเปน Word, Excel, powerpoint และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การอ่าน e-book ไม่ว่าจะเป็น iBook, Kindle หรืออ่านไฟล์ Pdf
  3. Game แน่นอนครับ ขาดไม่ได้
1. App สำหรับ Social Network
ในเบื้องต้นที่เราจำเป็นพกติด iPad(ไอแพด) ไว้นะครับ ก็คงเป็น App สำหรับ instant messengerการส่งข้อความแบบ msn , google talk นะครับ สำหรับกรณีนี้ผมเลือกใช้ im+ ที่เคยซื้อมาใช้สำหรับ iPhone (ข่าวดีสำหรับ คนที่ใช้ im+ บน iPhone ก็คือ App ตัวนี้มันอัพเดทและใช้บน iPad ได้เลยครับ ไม่ใช่แบบ 2x ด้วยนะครับ แต่เป็น im+ for iPad(ไอแพด) เลย)
Instant Messenger
Im+ for iPad(ไอแพด) เป็น App ที่ใช้สำหรับเล่น instant messenger โดยสามารถใช้ user จาก msn, Google Talk, icq, facebook, twitter, Skype, Yahoo!, Myspace, AOL ได้ทั้งหมดครับ
นอกจากในเรื่องหน้าตาแล้ว im+ มีความสามารถในการ push message ด้วยนะครับ โดยตั้งเวลาให้ online ได้นานสูงสุด 3 วัน

Twitter
App Social Network ตัวต่อมาที่ต้องพูดถึงก็คือ App สำหรับใช้งาน Twitter ที่โดดเด่น ณ ขณะนี้คงต้องเป็น TweetDeck และ Twitterific ผมลองนำหน้าตาของทั้งสองตัวมาให้ชมครับ
ส่วนสำหรับ Facebook นั้น ณ ขณะนี้ผมยังไม่เห็น App Facebook สำหรับ iPad(ไอแพด) นะครับ อาจเป็นเพราะว่า Safari ที่มีหน้าจอใหญ่เพียงพอแล้ว เราสามารถเล่น Facebook ได้อย่างสมบูรณ์บนหน้าเว็บเลยน่าจะเหมาะกว่า จึงไม่มี App Facebook สำหรับ iPad(ไอแพด) ครับ

2. App สำหรับการใช้งาน Office งานเอกสาร และ e-book
อันที่จริงแล้ว การใช้งาน Office บน iPad(ไอแพด) ถือเป็นหัวใจสำคัญมากที่สุดอันนึงของ iPad(ไอแพด) เลยนะครับ หากเราไม่สามารถทำงานพวกเอกสารบน iPad ได้ อุปกรณ์ที่ล้ำสมัยนี้ อาจถูกมองเป็นของเล่นไปในทันทีเลย ผมเองตอนได้รับเครื่อง iPad(ไอแพด) มาก็อยากเล่น iWork ซึ่งเป็น App Office สำหรับ iPad ใจแทบขาด แต่ปรากฏว่า iWork เป็น App ที่สงวนเอาไว้ให้สำหรับผู้ที่ใช้งานในอเมริกา เท่านั้นครับ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ซื้อ รวมถึง App ที่ถูกจับตามองอีกตัวคือ iBook ก็ถูกห้ามโหลดนอกประเทศอเมริกาเช่นเดียวกันนะครับ(แอปเปิ้ลห้ามโหลดจากนอกเขตประเทศนะครับ ถึงจะยืม username จากเพื่อนอเมริกามาใช้ ก็จะถูกเตือนในกรณีเดียวกัน)
Office
แล้วเราจะทำยังไงกันดี สำหรับการใช้งานด้านเอกสาร ในระหว่างที่รอให้ แอปเปิ้ลอนุมัติให้สามารถโหลด iWork ได้ในไทย ผมเลยต้องหา App สำหรับทำงานเอกสารมาใช้พลางๆก่อน ที่ไปเจอมาก็พอใช้งานได้ครับ แต่ไม่ถือว่าดี มันก็คือ Office² Pro(ราคา 7.99$) นั่งเองครับ ซึ่งมีความสามารถในทำงานเอกสาร Word และ Excel ได้ พอใช้ได้ระดับหนึ่งครับ
PDF Reader
ต่อจากงานด้านเอกสารแล้ว ในการทำงานของเรา มักจะมีเอกสารประเภท PDF ไฟล์ อยู่บ่อยๆถูกมั้ยครับ ดังนั้น App ที่ใช้ในการเปิดไฟล์พวก PDF เราก็หาเอาไว้ใช้ครับ ซึ่ง App อ่าน PDF มีทั้งฟรีและเสียเงินนะครับ คุณภาพของ App ก็ขึ้นอยู่กับราคา ส่วนตัวผลเลือกใช้ File Viewer ครับ ซึ่งเป็น App ที่อ่านได้ทั้ง PDF และ ไฟล์เอกสาร Office รวมถึง ไฟล์ Powerpoint ด้วยครับ
e-book reader
ต่อจากการอ่าน PDF แล้ว มาต่อกันที่ e-book reader ดีมั้ยครับ เดิมที iPad(ไอแพด) ออกแบบโดยมีความสามารถในการเป็น e-book reader ที่ดีมากตัวหนึ่งเลยนะครับ ด้วย App iBook เราจะสามารถซื้อหนังสือในรูปแบบ e-book มาอ่านได้ใน iPad โดยเปลี่ยนรูปแบบการอ่านหนังสือของเราไปเลยครับ แต่โชคร้ายสำหรับคนไทยที่ iBook ยังไม่อนุญาติให้คนไทยซื้อได้ครับ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมต้องดิ้นรนหา App สำหรับอ่าน e-book ตัวอื่นมาใช้แทน ซึ่ง App ที่เป็นตัวอ่าน e-book ที่ดีที่สุดถ้าไม่ใช่ iBook ก็คงหนีไม่พ้นต้องเป็น Kindle ครับ
โชคดีที่ Kindle มีเวอร์ชั่น iPad(ไอแพด) ด้วย ผมได้ลองลง App ตัวนี้แล้วซื้อหนังสือมาอ่านแล้วครับ ถ่ายรูป iPad ขณะกำลังอ่านมาให้ดูด้วยครับ
Thai Keyboard
สำหรับการใช้งานเอกสารทั้งหมดใน iPad(ไอแพด) ขณะนี้สามารถอ่านภาษาไทยได้ครับ แต่ยังพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้ เนื่องจากทาง แอปเปิ้ลยังไม่ได้ทำ keyboard ภาษาไทยให้เราใช้ แต่เราก็สามารถใช้ App ที่มีชื่อว่า Thai Keyboard II for iPad(ไอแพด) ซึ่งใช้วิธีการให้เราไปพิมพ์ข้อความ ประโยคภาษาไทยใน App นี้ แล้ว copy ไป paste ในอีก App นึงครับ ถ้าใช้สำหรับพิมพ์ e-mail ก็โอเคระดับนึงครับ
Game for iPad(ไอแพด)
App ประเภทเกมส์น่าจะเป็นอะไรที่ถูกถามถึงมากที่สุดเกี่ยวกับ iPad(ไอแพด) เลยนะครับ ตัวผมเองก็รีบมองหามาเล่นอยู่เหมือนกัน สำหรับ iPad(ไอแพด) นั้นมีเกมส์มากมายเลยครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่ฟรีครับ ผมได้เลือกเอา Game ที่โชว์ภาพ 3D มาให้ดูพอหอมปากหอมคอครับ สำหรับเกมส์นี่ สามัญประจำบ้านต้องลองค้นหาตามที่ชอบใจครับ Techmoblog.com จะทยอยรีวิวเกมส์บน iPad ที่น่าสนใจอยู่สม่ำเสมอครับ ยังไงก็ลองติดตามกันดูนะครับ